ประเทศ
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม Cộng hòa xã hội chủ nghĩa Việt Nam (เวียดนาม)
คำขวัญ: Độc lập – Tự do – Hạnh phúc ดกเหฺลิบ ตึซอ หั่ญฟุก (เหนือ) ดกเหฺลิบ ตึยอ หั่ญฟุก (ใต้)
("เอกราช อิสรภาพ ความสุข") การปกครอง รัฐพรรคการเมืองเดียว • เลขาธิการพรรค
และประธานาธิบดี เหงียน ฟู้ จ่อง • นายกรัฐมนตรี เหงียน ซวน ฟุก • ประธานสมัชชาแห่งชาติเวียดนาม เหงียน ถิ กีม เงิน ประชากร • 1 เมษายน 2562 (ประเมิน) 96,208,984 [3] (15) • ความหนาแน่น 272 คน/ตร.กม. (46)
703 คน/ตร.ไมล์ ขับรถด้าน ขวามือ
รหัสโทรศัพท์ 84
เนื้อหา
กลองมโหระทึกสำริด
ชาวเวียดนามนิยมปลูกข้าวแบบขั้นบันได
ฮานอยมีเคียงนัมฮานอยแลนด์มาร์กทาวเวอร์ตึกที่สูงที่สุดในเวียดนาม
ท่าเรือไซ่ง่อน
เครื่องบินของสายการบินเวียดนามแอร์ไลน์
เจดีย์เสาเดียว แสดงให้เห็นถึงศาสนาพื้นบ้านเวียดนาม
ต้นไม้ของประเพณีตรุษญวน (ปีใหม่ทางจันทรคติ)
เฝอ หนึ่งในอาหารเวียดนามยอดนิยม
|
เวียดนาม (เวียดนาม: Việt Nam [viət˨ nam˧] เหฺวียดนาม) มีชื่ออย่างเป็นทางการคือ สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม (เวียดนาม: Cộng hòa xã hội chủ nghĩa Việt Nam, ก่ง ฮหว่า สา โห่ย จู๋ เหงีย เหวียต นาม) เป็นประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตั้งอยู่ทางด้านตะวันออกสุดของคาบสมุทรอินโดจีน มีประชากรประมาณ 94.6 ล้านคนใน พ.ศ. 2559 ทำให้มีประชากรมากที่สุดเป็นอันดับ 15 ของโลกและมากเป็นอันดับ 9 ของเอเชีย มีพรมแดนติดกับประเทศจีน ทางทิศเหนือ ประเทศลาว และประเทศกัมพูชา ทางทิศตะวันตก และอ่าวตังเกี๋ย ทะเลจีนใต้ อ่าวไทย ทางทิศตะวันออกและใต้ [a] มีเมืองหลวงชื่อฮานอยตั้งแต่เวียดนามเหนือและใต้รวมกันใน พ.ศ. 2519 เมืองใหญ่สุดในประเทศคือนครโฮจิมินห์
ทางเหนือของเวียดนามเคยเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิจีนกว่าพันปี ตั้งแต่ 111 ปีก่อนคริสต์ศักราชถึง ค.ศ. 939 รัฐแรกเริ่มของเวียดนามก่อตั้งขึ้นเมื่อประมาณปี 939 หลังเวียดนามชนะจีน(มองโกล)ในยุทธนาวีแม่น้ำบักดั่ง เวียดนามและจักรพรรดิเวียดนามก็เจริญรุ่งเรืองและเริ่มแผ่ขยายอิทธิพลเข้าไปในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จนกระทั่งตกเป็นอินโดจีนของฝรั่งเศสของฝรั่งเศสในช่วงกลางศตวรรษที่ 19
หลังจากการยึดครองของญี่ปุ่นใน พ.ศ. 2483 เวียดนามสู้รบกับฝรั่งเศสในสงครามอินโดจีนครั้งที่หนึ่ง 2 กันยายน โฮจิมินห์ประกาศสถาปนาสาธารณรัฐประชาธิปไตยเวียดนาม ในปี พ.ศ. 2497 เวียนนามชนะผรั่งเศสอย่างเด็ดขาดในยุทธการที่เดียนเบียนฟู และทำให้เวียดนามแยกเป็นสองประเทศคือเวียดนามเหนือ (สาธารณรัฐประชาธิปไตยเวียดนาม) และ เวียดนามใต้ (สาธารณรัฐเวียดนาม) ต่อมาความขัดแย้งระหว่าง 2 ประเทศทวีความรุนแรงจนกลายเป็นสงครามเวียดนามตั้งแต่ พ.ศ. 2498 –2518 ประเทศเวียดนามรวมประเทศและอยู่ภายใต้รัฐบาลคอมมิวนิสต์ แต่ยังมีความยากจนและโดดเดี่ยวทางการเมืองใน พ.ศ. 2529 พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามเริ่มต้นบูรณะเศรษฐกิจและการเมืองทำให้เวียดนามเริ่มเข้าร่วมกับเศรษฐกิจโลก[7] ในปี พ.ศ. 2543 ได้มีการสร้างความสัมพันธ์ทางการทูตกับทุกประเทศ และตั้งแต่พ.ศ. 2543 อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของเวียดนามนั้นถือว่าเป็นประเทศที่มีอัตราการเติบโตสูงสุดในโลก[7] การบูรณะเศรษฐกิจประสบความสำเร็จทำให้เข้าร่วมกับองค์การการค้าโลกใน พ.ศ. 2550 และนอกจากนี้เวียดนามยังเป็นสมาชิกของความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิกและองค์การระหว่างประเทศของกลุ่มประเทศที่ใช้ภาษาฝรั่งเศสด้วย (ประเทศเวียดนามมีนักท่องเที่ยวมาประมาณ 10.8 ล้านคน) ชื่อ
คำว่า "เวียดนาม" หรือ "เหวียดนาม" (Việt Nam, /viə̀t naːm/, เหวียดนาม) คืออีกชื่อหนึ่งของ "นามเหวียด" (Nam Việt นามเหวียด; จีน: 南越; พินอิน: Nányuè; แปลว่า "เวียดใต้") โดยเป็นชื่อที่เริ่มใช้ตั้งแต่สมัยราชวงศ์เจี่ยว (Nhà Triệu; 家趙, หญ่าเจี่ยว) ในช่วงศตวรรษที่ 2 ก่อนคริสตกาล หรือช่วงระหว่างปีพ.ศ. 344 ถึง 443[8] คำว่า "เหวียด" (Việt)' เดิมเป็นชื่อย่อของ บั๊กเหวียด (Bách Việt บ๊าก เหฺวียด; จีน: 百越; พินอิน: Bǎiyuè; แปลว่า "ร้อยเวียด") ซึ่งเป็นคำที่ใช้เรียกกลุ่มชนที่เคยอาศัยอยู่บริเวณทางใต้ของจีนและทางเหนือของเวียดนาม[9]
ประวัติศาสตร์
ดูบทความหลักที่: ประวัติศาสตร์เวียดนาม
สมัยก่อนประวัติศาสตร์
เป็นอารยธรรมก่อนประวัติศาสตร์ในเวียดนามมีชื่อเสียงมากโดยเฉพาะอารยธรรมยุคหินใหม่ ที่มีหลักฐานคือกลองมโหระทึกสำริด และชุมชนโบราณที่ดงเซิน เขตเมืองแทงหวา ทางใต้ของปากแม่น้ำแดง สันนิษฐานว่าบรรพบุรุษของชาวเวียดนามโบราณผสมผสานระหว่างชนเผ่ามองโกลอยด์เหนือจากจีนและใต้ ซึ่งเป็นชาวทะเล ดำรงชีพด้วยการปลูกข้าวแบบนาดำและจับปลา และอยู่กันเป็นเผ่า บันทึกประวัติศาสตร์ยุคหลังของเวียดนามเรียกยุคนี้ว่าอาณาจักรวันลาง มีผู้นำปกครองสืบต่อกันหลายร้อยปีเรียกว่า กษัตริย์หุ่ง แต่ถือเป็นยุคก่อนประวัติศาสตร์
สมัยประวัติศาสตร์
เวียดนามเริ่มเข้าสู่ยุคประวัติศาสตร์หลังจากตอนใต้ของจีนเข้ารุกรานและยึดครองดินแดนแถบลุ่มแม่น้ำแดง จากนั้นไม่นานจักรพรรดิจิ๋นซีซึ่งเริ่มรวมดินแดนจีนสร้างจักรวรรดิให้เป็นหนึ่งเดียว โดยได้ยกทัพลงมาและทำลายอาณาจักรของพวกถุกได้ ก่อนผนวกดินแดนลุ่มแม่น้ำแดงทั้งหมด ให้ขึ้นตรงต่อศูนย์กลางการปกครองหนานไห่ ที่เมืองพานอวี่หรือกว่างโจวในมณฑลกวางตุ้งปัจจุบัน หลังสิ้นสุดราชวงศ์ฉิน ข้าหลวงหนานไห่คือจ้าวถัว ประกาศตั้งหนานไห่เป็นอาณาจักรอิสระ ชื่อว่า หนานเยว่ หรือ นามเหวียต ในสำเนียงเวียดนามซึ่งเป็นที่มาของชื่อเวียดนามในปัจจุบัน ก่อนกองทัพฮั่นเข้ายึดอาณาจักรนามเหวียด ได้ในปี พ.ศ. 585 และผนวกเป็นส่วนหนึ่งของจีน ใช้ชื่อว่า เจียวจื้อ ขยายอาณาเขตลงใต้ถึงบริเวณเมืองดานังในปัจจุบัน และส่งข้าหลวงปกครองระดับสูงมาประจำ เป็นช่วงเวลาที่ชาวจีนนำวัฒนธรรมจีนทางด้านต่างๆ ไปเผยแพร่ที่ดินแดนแห่งนี้ พร้อมเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ทรัพยากรจากชาวพื้นเมืองหรือชาวเวียดนามจนนำไปสู่การต่อต้านอย่างรุนแรงหลายครั้งเช่น:
ราชวงศ์ยุคใหม่
ยุคแตกแยกเหนือ-ใต้
หลังการฟื้นฟูราชวงศ์เลขึ้นได้ ขุนศึกตระกูลจิ่งตั้งตนเป็นผู้สำเร็จราชการ และให้ขุนศึกตระกูลเหวียนไปปกครองเขตชายแดนใต้บริเวณเมืองด่งเหยลงไปถึงบริเวณเมืองดานังในปัจจุบัน ขุนศึกตระกูลจิ่งตั้งตนเป็น เจ้าสืบตำแหน่งผู้สำเร็จราชการ ในตระกูลของตนเอง ขุนศึกตระกูลเหวียนจึงประกาศไม่ยอมรับการปกครองของตระกูลจิ่งจนเกิดสงครามครั้งใหม่ต่อมาอีกหลายสิบปี เวียดนามแบ่งแยกเป็นสองส่วน ส่วนเหนือ คือ เวียดนามเหนือ อยู่ในการปกครองของราชวงศ์เลและเจ้าตระกูลจิ่ง มีศูนย์กลางที่ทังลอง ส่วนใต้ คือ เวียดนามใต้ มีตระกูลเหวียนปกครอง มีศุนย์กลางที่เมืองฝูซวนหรือเว้ในปัจจุบันตลอดมา
จักรวรรดิเวียดนาม
ยุคอาณานิคม
ฝรั่งเศสแสวงหาผลประโยชน์จากการปกครองเวียดนามทางด้านเศรษฐกิจ เวียดนามเป็นแหล่งปลูกข้าวและพืชเศรษฐกิจใหม่ ๆ เช่นกาแฟ และยางพารา ส่งออกไปยังฝรั่งเศสและเป็นวัตถุดิบแก่โรงงานในฝรั่งเศส ที่ดินในเวียดนามถูกยึดและตกเป็นของชาวฝรั่งเศส และเริ่มอพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานในเวียดนาม ขณะเดียวกันก็ส่งเสริมการศึกษาและวัฒนธรรมฝรั่งเศสให้แพร่หลายในเวียดนาม ชาวเวียดนามส่วนหนึ่งได้รับการศึกษาแบบใหม่และเริ่มต้องการอิสระในการทำงานและมีส่วนร่วมในการปกครองประเทศ นำไปสู่การก่อตัวของกลุ่มชาตินิยมต่าง ๆ ที่เข้มแข็งที่สุดคือพรรคคอมมิวนิสต์อินโดจีนที่ตั้งขึ้นโดยโฮจิมินห์ ในปี พ.ศ. 2473 และต่อมาปรับเปลี่ยนเป็น กลุ่มเวียดมินห์ ได้นำชาวนาก่อการต่อต้านฝรั่งเศสในชนบท
ยุคเอกราช
พ.ศ. 2488 โฮจิมินห์รับมอบอำนาจจากจักรพรรดิบ๋าวได่และรับตำแหน่งประธานาธิบดีคนแรกหลังประกาศเอกราช แต่หลังจากนั้นฝรั่งเศสได้กลับเข้ามาขับไล่รัฐบาลของโฮจิมินห์และไม่ยอมรับเอกราชของเวียดนาม นำไปสู่สงครามจนในที่สุดฝรั่งเศสพ่ายแพ้แก่กองกำลังเวียดมินห์ที่ค่ายเดียนเบียนฟู ในปี พ.ศ. 2497 และมีการทำสนธิสัญญาเจนีวา ของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ยอมรับเอกราชของเวียดนาม แต่สหรัฐอเมริกาและชาวเวียดนามในภาคใต้บางส่วนไม่ต้องการรวมตัวกับรัฐบาลของโฮจิมินห์ ต่อมาได้ก่อตั้งดินแดนเวียดนามภาคใต้เป็นอีกประเทศหนึ่ง คือ สาธารณรัฐเวียดนาม (เวียดนามใต้) มีเมืองหลวงคือ ไซ่ง่อน ใช้เส้นละติจูดที่ 17 องศาเหนือแบ่งแยกกับเวียดนามส่วนเหนือใต้การปกครองของโฮจิมินห์ (เวียดนามเหนือ)
สงครามเวียดนาม
เวียดนามเหนือไม่ยอมรับสถานภาพของเวียดนามใต้ ขณะที่สหรัฐอเมริกาได้ให้การช่วยเหลือทางทหารแก่เวียดนามใต้อย่างต่อเนื่อง รวมถึงการส่งทหารมาประจำในเวียดนามใต้เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เวียดนามเหนือประกาศทำสงครามเพื่อขับไล่และ ปลดปล่อย เวียดนามใต้จากสหรัฐอเมริกาและรวมเข้าเป็นประเทศเดียวกัน พร้อมให้การสนับสนุนกลุ่มชาวเวียดนามใต้ที่ต่อต้านสหรัฐอเมริกา (เวียดกง) ในการทำสงคราม การรบส่วนใหญ่กลายเป็นการรบระหว่างทหารสหรัฐอเมริกาและพันธมิตรจากต่างประเทศ กับกองกำลังเวียดกงและเวียดนามเหนือ ทั้งในชนบทและการโจมตีในเมือง แม้สหรัฐอเมริกาได้ทุ่มเทแสนยานุภาพอย่างเต็มที่แต่ก็ไม่อาจทำให้สงครามยุติลงได้ หลังการรุกโจมตีครั้งใหญ่ของเวียดนามเหนือและเวียดกงในปี พ.ศ. 2511 ที่เมืองเว้และเมืองหลักอื่น ๆ ในเวียดนามใต้ สหรัฐอเมริกาเริ่มเตรียมการถอนกำลังจากเวียดนามใต้และให้เวียดนามใต้ทำสงครามโดยลำพัง สหรัฐอเมริกาถอนทหารจากเวียดนามใต้อย่างเป็นทางการในปี พ.ศ. 2516 กองกำลังเวียดนามเหนือและเวียดกงจึงสามารถรุกเข้ายึดไซ่ง่อนและเวียดนามใต้ได้ทั้งหมดในปี พ.ศ. 2518 การรวมเวียดนามทั้งสองส่วนเข้าด้วยกันเกิดขึ้นในวันที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2519 และเปลี่ยนชื่อประเทศเป็น สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม นับแต่นั้น
หน่วยงานราชการและการเมือง
1.การเมืองของเวียดนามมีเสถียรภาพ เนื่องจากมีพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม เป็นองค์กรที่มีอำนาจ สูงสุดเพียงพรรคการเมืองเดียว ผูกขาดการชี้นำภายใต้ระบบผู้นำร่วม (collective leadership) ที่คานอำนาจระหว่างกลุ่มผู้นำ ได้แก่
3.สภาแห่งชาติชุดใหม่ได้เปิดประชุมเมื่อ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2545 โดยสภาได้มีมติสำคัญๆ คือ
4.แผนงานการปฏิรูประบบราชการสำหรับปี ค.ศ. 2001-2010 เน้น 4 ประเด็น ได้แก่ การปฏิรูประบบกฎหมาย การปฏิรูปโครงสร้างองค์กร การยกระดับความสามารถของข้าราชการ และการปฏิรูปด้านการคลัง การทหาร
ดูบทความหลักที่: กองทัพเวียดนาม
ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
ตามเอกสารของสภาแห่งชาติ ครั้งที่ 10 ของพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม:พรรคคอมมิวนิสต์และรัฐบาลของสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามสนับสนุนการดำเนินการตามนโยบายต่างประเทศที่เป็นอิสระ การเปิดการกระจายความหลากหลายและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศแบบพหุภาคีการประสานงานระหว่างประเทศเชิงรุกกับคติ "เวียดนามยินดีที่จะเป็นเพื่อนและพันธมิตรที่เชื่อถือได้ของทุกประเทศในประชาคมโลกที่มุ่งมั่นเพื่อสันติภาพ สันติภาพความเป็นอิสระและการพัฒนา "
เวียดนามเข้าร่วมกับองค์การสหประชาชาติในปี พ.ศ. 2520 ในสมัยฯพณฯประธานาธิบดีเดยเหม่ยอย่างเป็นทางการเวียดนามได้ปรับความสัมพันธ์กับจีนในปี พ.ศ. 2535 และสหรัฐอเมริกาในปี พ.ศ. 2538 เข้าร่วมอาเซียนในปีเดียวกันนั้นเอง ปัจจุบันเวียดนามได้สร้างความสัมพันธ์ทางการทูตกับ 180 ประเทศ (รวมถึง 43 ประเทศในเอเชีย, 47 ประเทศในยุโรป, 11 ประเทศในโอเชียเนีย, 29 ประเทศในอเมริกา, 50 ประเทศในแอฟริกา) ทุกทวีป (เอเชีย - แปซิฟิก: 33 ประเทศ, ยุโรป: 46 ประเทศ, อเมริกา: 28 ประเทศ, แอฟริกา: 47 ประเทศ,และ ตะวันออกกลาง: 16 ประเทศ), รวมถึงทุกประเทศที่สำคัญและศูนย์กลางทางการเมืองของ โลก เวียดนามยังเป็นสมาชิกขององค์กรระหว่างประเทศ 63 แห่งและมีความสัมพันธ์กับองค์กรพัฒนาเอกชนมากกว่า 650 องค์กร ในเวลาเดียวกันเวียดนามมีความสัมพันธ์ทางการค้ากับ 165 ประเทศและดินแดน ในสหประชาชาติเวียดนามทำหน้าที่เป็นคณะกรรมาธิการ ECOSOC สมาชิกคณะกรรมการบริหารของ UNDP UNFPA และ UPU บทบาทภายนอกของเวียดนามในชีวิตทางการเมืองระหว่างประเทศได้รับการแสดงผ่านองค์กรที่ประสบความสำเร็จจากการประชุมระดับนานาชาติหลายครั้งในเมืองหลวงของกรุงฮานอย ในปี พ.ศ. 2540 จัดประชุมสุดยอดชุมชนฝรั่งเศส ในปี พ.ศ. 2541 มีการประชุมสุดยอดอาเซียน ในปี พ.ศ. 2546 จัดประชุมนานาชาติเกี่ยวกับความร่วมมือและการพัฒนาในเวียดนามและแอฟริกา ในปี พ.ศ. 2547 การประชุมสุดยอด ASEM จัดขึ้นในเดือนตุลาคม ในปี พ.ศ. 2549 จัดประชุมสุดยอดเอเปคในเดือนพฤศจิกายน ตั้งแต่วันที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2550 เป็นต้นมาเวียดนามได้กลายเป็นสมาชิกลำดับที่ 150 ขององค์การการค้าโลก (WTO) อย่างเป็นทางการ นี่เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในกระบวนการของการรวมเข้ากับเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ในปี พ.ศ. 2550 เป็นเจ้าภาพการคณิตศาสตร์โอลิมปิกระหว่างประเทศ เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2550 ที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติที่นิวยอร์กได้รับการโหวตอย่างเป็นทางการเวียดนามได้รับเลือกอย่างเป็นทางการในฐานะสมาชิกถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติในวาระปี พ.ศ. 2551-2552 . เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2553 เวียดนามถือว่าบทบาทของประธานอาเซียนและในปีนั้นมีการประชุมระดับภูมิภาคจำนวนมาก เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2558 ที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติที่นิวยอร์กได้ลงคะแนนในการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการของเวียดนามเวียดนามได้เข้าเป็นสมาชิกของคณะมนตรีเศรษฐกิจและสังคมแห่งสหประชาชาติ (ECOSOC) อย่างเป็นทางการปี 2016-2018 ในปี พ.ศ. 2559 จัดโอลิมปิกสากลชีวภาพ ในปี พ.ศ. 2560 จัดการประชุมสุดยอดเอเปคในเดือนพฤศจิกายน การแบ่งเขตการปกครอง
ภูมิศาสตร์
เวียดนามเป็นประเทศที่มีลักษณะเป็นแนวยาว และ มีภูมิประเทศเป็นภูเขาสูงกั้นระหว่างที่ราบลุ่มแม่น้ำที่อุดมสมบูรณ์ทางตอนเหนือและใต้ แต่มีภูเขาที่มีป่าหนาทึบแค่ 20% โดยมีพันธุ์ไม้ 13,000 ชนิด และพันธุ์สัตว์กว่า 15,000 สายพันธุ์
ลักษณะภูมิประเทศ
ลักษณะภูมิอากาศ
ชายแดน
ทั้งหมด 4,638 กิโลเมตร (2,883 ไมล์) โดยติดกับประเทศกัมพูชา 1,228 กิโลเมตร (763 ไมล์) ประเทศจีน 1,281 กิโลเมตร (796 ไมล์) และประเทศลาว 2,130 กิโลเมตร (1,324 ไมล์)
เกษตรกรรม
มีผลผลิตได้แก่ ข้าวเจ้า ยางพารา ชา กาแฟ ยาสูบ พริกไทย (ในปี พ.ศ. 2549 ส่งออกกว่า 116,000 ตัน) [10] การประมง เวียดนามจับปลาได้เป็นอันดับ 4 ของสินค้าส่งออก เช่น ปลาหมึก กุ้ง ตลาดที่สำคัญ คือ ญี่ปุ่น ไต้หวัน และสิงคโปร์
อุตสาหกรรม
อุตสาหกรรมที่สำคัญ คือ อุตสาหกรรมทอผ้า ศูนย์กลางอยู่ที่โฮจิมินห์ซิตีและมีนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้เบียนโฮ[11] การทำเหมืองแร่ที่สำคัญ คือ ถ่านหิน น้ำมันปิโตรเลียม และแก๊สธรรมชาติ เวียดนามเป็นประเทศส่งออกน้ำมันดิบรายใหญ่อันดับ 3 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รองจากอินโดนีเซียและมาเลเซีย [12]
สถานการณ์เศรษฐกิจ
เวียดนามมีการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว และเผชิญภาวะขาดแคลนพลังงานไฟฟ้า จึงมีการซื้อพลังงานไฟฟ้าจากมณฑลยูนนาน ประเทศจีน ตั้งแต่กันยายนปี 2004 [13] แม้ว่าเหตุผลทางเศรษฐกิจจะเป็นเหตุผลที่มีความสำคัญรองจากเหตุผลทางการเมืองและยุทธศาสตร์ในการที่อาเซียนรับเวียดนามเข้าเป็นสมาชิก แต่ก็ยังคงความสำคัญในระดับหนึ่งที่จะมองข้ามไปไม่ได้ความสัมพันธ์ทวิภาคีทางเศรษฐกิจระหว่างเวียดนามและประกาศถอนทหารออกจากกัมพูชา และเมื่อเวียดนามได้ลงนามในข้อตกลงสันติภาพที่กรุงปารีสในปี 1991
เหตุผลการเข้าเป็นสมาชิกอาเซียน
วิทยาศาสตร์ และ เทคโนโลยี
เวียดนามมีพื้นฐานของนักปราชญ์ตั้งแต่ยุคโบราณ มีการสั่งสมความรู้ทั้งด้านคณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ จนเป็นที่เลื่องลือ โดยในปัจจุบันเวียดนามเริ่มมีการพัฒนาเทคโนโลยี ในปี 2553 เวียดนามมีงบประมาณทางด้านวิทยาศาสตร์อยู่ที่ 0.45% ของ GDP
อากาศเวียดนามมีท่าอากาศยานขนาดใหญ่ 6 แห่ง คือ ท่าอากาศยานนานาชาติโหน่ยบ่าย (Noi Bai) ในกรุงฮานอย, ท่าอากาศยานนานาชาติเตินเซินเญิ้ต (Tan Son Nhat) ในนครโฮจิมินห์, โครงการท่าอากาศยานนานาชาติล็องถั่ญ (Long Thanh) ในจังหวัดด่งนาย, ท่าอากาศยานจูลาย (Chu Lai) ในจังหวัดกว๋างนาม และท่าอากาศยานนานาชาติดานัง (Danang) ในนครดานัง[14]
ถนน
ในปี 2553 ระบบถนนของเวียดนามมีความยาวรวมประมาณ 188,744 กิโลเมตร (117,280 ไมล์) โดยมี 93,535 กิโลเมตร (58,120 ไมล์) เป็นถนนลาดยาง
ทางรถไฟ
ทางรถไฟในเวียดนาม ปัจจุบันมีการเชื่อมต่อกับประเทศจีน และมีเครือข่ายในประเทศเท่านั้น ยังไม่มีทางเชื่อมต่อกับลาวและกัมพูชา ซึ่งขณะนี้กำลังวางแผนก่อสร้าง
เชื้อชาติ
มีจำนวน 84.23 ล้านคน ความหนาแน่นโดยเฉลี่ย 253 คนต่อตารางกิโลเมตร เป็นชาวญวนร้อยละ 86 (บริเวณสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขงทางตอนใต้ของประเทศ) ต่าย ชาวไท เหมื่อง ฮั้ว (จีน) ชาวเขมร นุง ชาวม้ง[15][16][17]
ภาษา
การสื่อสารใช้ภาษาเวียดนาม ซึ่งเมื่อปี พ.ศ. 2463 วงการวิชาการเวียดนามได้ลงประชามติที่จะใช้ตัวอักษรโรมัน (Quốc ngữ) แทนตัวอักษรจีน (Chữ Nôm) ในการเขียนภาษาเวียดนาม [18]
ศาสนา
จากการสำรวจในปี พ.ศ. 2557[19] ประเทศเวียดนามมีประชากรนับถือศาสนา 90 ล้านคน แบ่งได้ดังนี้ ศาสนาพื้นบ้านเวียดนามและไม่มีศาสนา 24 ล้านคน (73.2%) ศาสนาพุทธ 11 ล้านคน (12.2%) ศาสนาคริสต์ 7.6 ล้านคน (8.3%) ลัทธิเฉาได 4.4 ล้านคน (4.8%) ลัทธิฮหว่าหาว 1.3 ล้านคน (1.4%) และศาสนาอื่น ๆ (0.1%) เช่น ศาสนาอิสลาม 75,000 คน ศาสนาบาไฮ 7,000 คน ศาสนาฮินดู 1,500 คน[20][21][22][23][24][25][26]
การศึกษา
|
แหล่งข้อมูลอื่น
- Vietnam profile from BBC News
- Vietnam entry at The World Factbook (CIA)
- Vietnam from UCB Libraries GovPubs
- ประเทศเวียดนาม ที่เว็บไซต์ Curlie
- Vietnam at Encyclopædia Britannica
- Wikimedia Atlas of Vietnam
- Key Development Forecasts for Vietnam from International Futures
- Portal of the Government of Vietnam
- Communist Party of Vietnam – official website (in Vietnamese)
- National Assembly – the Vietnamese legislative body
- General Statistics Office
- Ministry of Foreign Affairs
- Chief of State and Cabinet Members
- Robert N. Wilkey. "Vietnam’s Antitrust Legislation and Subscription to E-ASEAN: An End to the Bamboo Firewall Over Internet Regulation?" The John Marshall Journal of Computer and Information Law. Vol. XX, No. 4. Summer 2002. Retrieved 16 February 2013.
- ประเทศเวียดนาม คู่มือการท่องเที่ยวจากวิกิเดินทาง (อังกฤษ)
- Official tourism website